โรงเรียนวิสุทธรังษี

ยุคที่ 1 โรงเรียนตัวอย่างประจำจังหวัด (พ.ศ. 2447 - พ.ศ. 2498)

1 มิถุนายน พ.ศ. 2447 ได้ประกาศตั้งโรงเรียนขึ้น ณ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) เปิดสอน 2 ขั้น คือขั้นเบื้องแรก เป็นชั้นมูลศึกษา กับขั้นเบื้องต้น เป็นชั้นประถมศึกษา โดยใช้ศาลาการเปรียญของวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) เป็นสถานที่สอน โดยนักเรียนปีแรกมีนักเรียนทั้งหมด 54 คน มีครูผู้สอน 1 คน คือ พระภิกษุเจียม สิทธิสร เป็นครูใหญ่และครูผู้สอน ต่อมาในวันที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2449 พระภิกษุเจียม สิทธิสร ได้ลาออก พระวิสุทธิรังษี (เปลี่ยน อินฺทสโร) เจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) จึงได้แต่งตั้งให้พระก้าน นาคะพันธ์ (ต่อมาได้เลื่อนเป็นเจ้าคุณ พระครูวัตตสารโสภณ) เป็นครูใหญ่และครูผู้สอนแทนพระภิกษุเจียม สิทธิสร 

     ในคราวที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5) เสด็จประพาสไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2452 ได้เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมโรงเรียนแห่งนี้ โดยมีพระก้าน นาคะพันธ์ ได้นำนักเรียนทั้งโรงเรียน ซึ่งในปีการศึกษานั้นมีทั้งสิ้น 66 คน เข้าเฝ้ารับเสด็จที่หน้าวัดไชยชุมพลฯ โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานเงินให้แก่นักเรียนทุกคน คนละหนึ่งสลึง 

     โรงเรียนวัดไชยชุมพลชนะสงคราม ได้ดำเนินการเรียนการสอน ก้าวหน้าด้วยดีเป็นลำดับ จึงได้ประกาศเป็นโรงเรียนรัฐบาลแห่งแรกของจังหวัดกาญจนบุรี มีชื่อว่า โรงเรียนตัวอย่างประจำจังหวัด คงใช้ศาลาวัดและกุฏิพระเป็นสถานที่สอน พระวิสุทธิรังษี (เปลี่ยน อินฺทสโร) ได้พิจารณาเห็นว่าเจ้าพระยาธรรมศักดิ์มนตรี (สนั่น เทพหัสดิน ณ อยุธยา) เสนาบดีกระทรวงธรรมการได้ประกาศใช้พระราชบัญญัติประถมศึกษา พ.ศ. 2464 มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2464 ให้เด็กทุกคนที่มีอายุย่างปีที่ 8 ถึงปีที่ 15 เข้าเรียนโดยไม่เสียค่าเล่าเรียน พระวิสุทธิรังษี (เปลี่ยน อินฺทสโร) เห็นว่าศาลาวัดที่ใช้เป็นสถานศึกษาเป็นที่คับแคบ ไม่เหมาะสม จึงได้ร่วมกับกรรมการศึกษาและชาวบ้าน สร้างอาคารเรียนถาวรขึ้นที่วัด 1 หลัง 7 ห้องเรียน ตัวอาคารเป็นตึกชั้นเดียวใต้ถุนสูง ฝาผนังก่ออิฐถือปูน เครื่องบนไม้จริง หลังคามุงกระเบื้อง ส่วนค่าก่อสร้างไม่ได้ใช้เงินงบประมาณ ล้วนแต่ได้รับการบริจาคจากผู้มีศรัทธาทั้งสิ้น งานก่อสร้างเริ่มขึ้นตั้งแต่ พ.ศ. 2464 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2466 จึงได้ย้ายสถานที่เรียนจากกุฏิและศาลาวัดไปเรียนอาคารหลังใหม่แทน ทางราชการจึงได้ขนานนามโรงเรียนแห่งนี้ว่า โรงเรียนประจำจังหวัดกาญจนบุรี วิสุทธิรังษี เพื่อเป็นเกียรติประวัติแด่ท่านเจ้าคุณวิสุทธิรังษีฯ(เปลี่ยน) แต่ชื่อปัจจุบันนี้ชื่อโรงเรียนคำว่า วิสุทธิรังษี "ธิ" สระอิหายไปโดยไม่ทราบสาเหตุ ชื่อปัจจุบันจึงเหลือเพียง วิสุทธรังษี เท่านั้น แต่นั้นมาโรงเรียนได้เปิดสอนขั้นเบื้องกลางถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 

 ในปี พ.ศ. 2478 ทางราชการได้ทำการจัดตั้งโรงเรียนประชาบาลขึ้นอีกแห่งหนึ่ง ณ วัดไชยชุมพลชนะสงคราม (วัดใต้) ดังนั้นทาง โรงเรียนประจำจังหวัดกาญจนบุรี วิสุทธรังษี ซึ่งขณะนั้นเปิดสอนชั้นประถมศึกษาด้วย จึงได้ลดชั้นประถมศึกษาให้เรียนที่โรงเรียนประชาบาลที่เปิดสอนใหม่แทน และตั้งแต่ปีพ.ศ. 2482 เป็นต้นมาโรงเรียนวิสุทธรังษีจึงเปิดการเรียนการสอนในระดับมัธยมศึกษาเท่านั้น 

ในปี พ.ศ. 2480 พระวิสุทธิรังษี เห็นว่าผู้ปกครองนิยมส่งบุตรหลานเข้าเรียนระดับมัธยมศึกษามากขึ้น อาคารเรียนหลังเดิมเห็นจะไม่เพียงพอ จึงได้ร่วมมือกับคณะกรรมการสถานศึกษาและชาวบ้านช่วยกันสร้างอาคารเรียนหลังใหม่ขึ้นอีกหนึ่งหลัง ใกล้กับบริเวณตึกหลังเก่า เป็นตึกคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น 12 ห้องเรียน มีมุขด้านหน้า รัฐบาลของพันเอกพระยาพหลพลพยุหเสนาสนับสนุนงบประมาณให้ 6,000 บาท นอกนั้นเป็นเงินที่ได้รับบริจาคโดยมีพระวิสุทธิรังษีเป็นกำลังสำคัญช่วยเหลือจัดหาทุนสมทบเพิ่มเติมจนสำเร็จเรียบร้อย งานก่อสร้างเสร็จเรียบร้อยใช้เป็นสถานที่เรียนได้เมื่อปี พ.ศ. 2482 

ยุคที่ 2 ย้ายสถานที่ใหม่ (พ.ศ. 2498 - ปัจจุบัน)

ในปี พ.ศ. 2490 เมื่อเจ้าหน้าที่ชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงศึกษาธิการ ได้มาตรวจเยี่ยม มีความเห็นว่าโรงเรียนประจำจังหวัดตั้งอยู่ในเขตวัด บริเวณคับแคบไม่เหมาะสมจึงควรขยายทันกับความเจริญ กระทรวงศึกษาธิการและคณะกรรมการโรงเรียน จึงได้ทำการติดต่อเจรจาเรื่องที่ดินกับบริษัท กาญจนบุรีพานิชจังหวัด จำกัด ซึ่งได้รับความร่วมมืออย่างดี ทางบริษัทได้มอบที่ดินจำนวน 63 ไร่ 2 งาน ที่ตำบลท่าล้อ อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี ให้เมื่อวันที่ 4 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2496 นายวิรัช บุญญาลัย ผู้แทนบริษัทเป็นผู้มอบ นายทวี สุนทรวิภาค ผู้แทนกระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้รับมอบ ณ ที่ว่าการอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี สมัยนาย ป อินทรัมพรรย์ เป็นนายอำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรี 

28 ตุลาคม พ.ศ. 2498 โรงเรียนได้ย้ายจากวัดไชยชุมพลชนะสงคราม ไปยังสถานที่ใหม่ที่บริษัท กาญจนบุรีพานิชจังหวัด จำกัด ยกให้ โรงเรียนได้งบประมาณจากรัฐบาลสร้างอาคารแบบ 218 เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น 28 ห้องเรียน หลังคามุงด้วยกระเบื้อง ค่าก่อสร้างทั้งสิ้น 1,400,000 บาท งานก่อสร้างเริ่มตั้งแต่ปี พ.ศ. 2495 แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2497 อาคารกว้าง 88.51 เมตร ยาว 106 เมตร และได้เปลี่ยนชื่อเป็น โรงเรียนวิสุทธรังษี จังหวัดกาญจนบุรี[5]: 5  ส่วนอาคารหลังเดิมในวัดไชยชุมพลชนะสงคราม ทางโรงเรียนวิสุทธรังษี จังหวัดกาญจนบุรีได้มอบให้เป็นโรงเรียนประถมศึกษา

พ.ศ. 2500 เปิดสอนถึงชั้นเตรียมอุดมศึกษา ในสมัยนั้นจึงมีชื่อเรียกโรงเรียนวิสุทธรังษีเพิ่มขึ้นมาอีกชื่อหนึ่งคือ โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษากาญจนบุรี

พ.ศ. 2513 โรงเรียนเข้าโครงการปรับปรุงโรงเรียนมัธยมในส่วนภูมิภาค (คมภ 2)

พ.ศ. 2509 ได้งบประมาณสร้างอาคารแบบ 212 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 2 ชั้น 12 ห้องเรียนงบประมาณ 1,000,000 บาทเสร็จเรียบร้อยในปี พ.ศ. 2511 (ปัจจุบันคืออาคาร 2)

พ.ศ. 2514 ได้งบประมาณสร้างอาคารแบบ 318 เป็นอาคารคอนกรีตเสริมเหล็ก 3 ชั้น 18 ห้องเรียน ค่าก่อสร้าง 2,000,000 บาท แล้วเสร็จเมื่อปีพ.ศ. 2515 โดยมีศาสตราจารย์ ดร.ก่อ สวัสดิ์พาณิชย์ซึ่งเป็นอธิบดีกรมสามัญศึกษา กระทรวงศึกษาธิการอยู่ในขณะนั้น ได้มาเป็นประธานในพิธีเปิดอาคารเรียนหลังนี้เมื่อปีพ.ศ. 2515 (ปัจจุบันคืออาคาร 3)

ในช่วงปี พ.ศ. 2509พ.ศ. 2517 โรงเรียนวิสุทธรังษี จังหวัดกาญจนบุรี ได้รับงบประมาณจากราชการเพื่อก่อสร้างอาคาร และพัฒนาบริเวณสถานที่ เป็นเงินรวมทั้งสิ้น 19,125,000 บาท และได้รับความอุปถัมภ์จากพระเดชพระคุณพระธรรมคุณาภรณ์ (ไพบูลย์ กตปุญโญ) (ขณะนั้นเป็นพระเทพปัญญาสุธี) เจ้าอาวาสวัดไชยชุมพลชนะสงคราม ได้สร้างอาคารคหกรรมคิดเป็นเงิน 200,000 บาท ประชาชนและหน่วยงานราชการได้ช่วยกันพัฒนาร่วมด้วย อาคารสถานที่คิดเป็นเงินรวมทั้งสิ้น 400,000 บาท

พ.ศ. 2522 ได้งบประมาณสร้างอาคารแบบ ค424 เป็นอาคารเรียน 4 ชั้น 24 ห้องเรียน (ปัจจุบันคืออาคาร 4)

พ.ศ. 2528 เนื่องด้วยอาคารแบบ 218 เป็นอาคารไม้ 2 ชั้น 28 ห้องเรียน ซึ่งเป็นอาคารเรียนที่ใช้ทำการเรียนการสอนมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2498 ได้มีการทรุดโทรมของไม้ไปตามสภาพ จึงได้มีการรื้อถอนอาคารเรียนหลังนี้ ต่อมาจึงได้สร้างอาคารแบบ ค418 โดยได้รับงบประมาณสร้างอาคารเรียน 4 ชั้น 25 ห้องเรียน เป็นเงินการก่อสร้าง 5,700,000 บาท (ปัจจุบันคืออาคาร 1)

พ.ศ. 2531 อาคารศูนย์ศึกษาศาสนาและศิลปวัฒนธรรม ด้วยเงินบริจาคประมาณ 750,000 บาท

พ.ศ. 2534 อาคารหอประชุม 3,443,000 บาท

พ.ศ. 2536 อาคารศูนย์กีฬา 14,559,988 บาท

พ.ศ. 2537 ได้มีการปรับปรุงสนามกีฬาฟุตบอลของโรงเรียนเนื่องในโอกาสครบรอบวันสถาปนาโรงเรียนวิสุทธรังษีครบ 90 ปี โดยมีพิธีเปิด สนาม 90 ปีวิสุทธรังษี ในวันที่1 มิถุนายน พ.ศ. 2537 โดยสนาม 90 ปีวิสุทธรังษีได้รับงบประมาณการปรับปรุงจากสมาคมนักเรียนเก่าวิสุทธรังษี สมาคมผู้ปกครองและครูฯ และผู้มีจิตศรัทธารวมเป็นเงินงบประมาณทั้งสิ้น 1,400,000 บาท

พ.ศ. 2542 โรงเรียนได้รับงบประมาณก่อสร้างอาคารเรียน 7 ชั้น ด้วยงบประมาณ 37,500,000 บาท (ปัจจุบันคืออาคาร 5)

พ.ศ. 2547 เนื่องในโอกาสที่โรงเรียนวิสุทธรังษีมีอายุครบ 100 ปี เพื่อเฉลิมฉลองวาระครบรอบวันสถาปนาโรงเรียน 100 ปี วิสุทธรังษี คณะกรรมการสมาคมนักเรียนเก่าฯ สมาคมผู้ปกครองและครูโรงเรียนวิสุทธรังษี และ ผู้มีจิตศรัทธา ผู้ปกครองนักเรียน คณะครูและนักเรียนโรงเรียนวิสุทธรังษี ได้ร่วมกันบริจาคเงินเพื่อก่อสร้าง อาคาร ๑๐๐ ปี วิสุทธรังษี ด้วยวงเงินงบประมาณ 26,500,500 บาท โดยทำพิธีวางศิลาฤกษ์เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2547 ในการนี้มีศาสตราจารย์เกียรติคุณ นายแพทย์ประเวศ วะสี ศิษย์เก่าโรงเรียนวิสุทธรังษีเป็นประธานในพิธีวางศิลาฤกษ์ และต่อมาได้ทำพิธียกเสาเอกเมื่อวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2550 อาคารแล้วเสร็จเมื่อปีพ.ศ. 2556 มีพิธีเปิดอาคารอย่างป็นทางการในงาน ๑๐๙ ปีวิสุทธรังษี เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม พ.ศ. 2556

พ.ศ. 2558 โรงเรียนวิสุทธรังษี ได้รับการคัดเลือกเป็นโรงเรียนนำร่องระดับภาคกลางโครงการห้องเรียนวิทยาศาสตร์-คณิตศาสตร์ ภาคภาษาอังกฤษ (Education Hub Classroom) และมีการรับนักเรียนเพิ่มขึ้น จึงได้ทำการจัดสร้างอาคารเรียน 4 ชั้น ห้องเรียนปรับอากาศ และดำเนินการสร้างโรงอาหารหลังที่ 2 ขึ้น โดยมี 2 ชั้น ประกอบไปด้วย ชั้นที่ 1 เป็นอาคารใต้ถุนโล่งเป็นโรงอาหาร ชั้นที่ 2 เป็นห้องประชุมปรับอากาศ และอาคารแห่งนี้เป็น 1 ใน อาคารที่รองรับการเสด็จของ ทูลกระหม่อมหญิงอุบลรัตนราชกัญญา สิริวัฒนาพรรณวดี เมื่อวันที่ 23 กันยายน พ.ศ. 2559


            ปัจจุบัน  ตั้งอยู่ เลขที่ 32  ตำบลท่อล้อ อำเภอเมือง จังหวัดกาญจนบุรี  รหัสไปรษณีย์ 71000      โทรศัพท์ 0-3451-1773 โทรสาร 0--3451-2879 สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษาเขต8 เนื้อที่ 56 ไร่    3 งาน 47.1 ตารางวา เป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ จำนวน 190 ห้องเรียน   เปิดสอนแบบสหศึกษาทั้งชั้นมัธยมศึกษาตอนต้นและมัธยมศึกษาตอนปลาย

อัพเดทวันที่ 06/06/67 โดย นักเรียนศักยภาพคอมพิวเตอร์ระดับชั้นม.5 ปีการศึกษา 2567